วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

1. การจัดและตกแต่งบ้าน



































    การตกแต่งบ้าน ให้น่าอยู่ มีปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกัน โดยแบ่งหลักการสำคัญๆ คร่าวๆ ดังต่อไปนี้... 
    1. ความปลอดภัย ในการจัดตกแต่งบ้านควรคำนึงถึงความปลอดภัยของสมาชิกในบ้าน โดยการเลือกเครื่องตกแต่งบ้านที่ไม่มีมุมแหลม ไม่แตกหักง่าย ไม่เกะกะทางเดิน และควรป้องกันอันตรายที่เกิดจากความอยากรู้อยากเห็น เช่น จักว่างตู้ยาไว้ในที่สูง และจัดเก็บสารเคมี ยาฆ่าแมลงในบ้านให้พ้นมือเด็ก รวมทั้งไม่จัดของขวางทางเดิน ไม่ขัดพื้นจนเป็นเงามัน เพราะว่าจะลื่นหกล้มหรือตกบันไดได้ นอกจากนี้ การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าตลอดการเดินสายไฟฟ้า จะต้องอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย 
    2. ถูกสุขลักษณะและสะอาด ในการจัดบ้านจะต้องจัดให้อากาศถ่ายเทสะดวกไม่ควรจักว่างสิ่งของปิดบังทิศทางลม และจัดให้มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่มืดทึบ รวมรวมทั้งควรทำความสะอาดเครื่องตกแต่งบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อสุขอนามัยของคนในบ้าน 
    3. สะดวกในการใช้สร้อย ในการจัดตกแต่งบ้านควรคำนึงถึงความสะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ โดยการจัดทางเดินต่างๆ ชองบ้านให้สัมพันธ์กันสามารถเดินไปมาได้สะดวกจัดหาเครื่องที่มีขนาดและจำนวน เหมาะสมสมกับเนื้อที่ เลือกเครื่องที่สะดวกในการใช้สร้อยและทำความสะอาดได้ง่าย เช่น เครื่องเรือนที่มีล้อ สามารถเคลื่อนยัายไดัและจัดอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ให้สะดวกต่อการหยิบใช้ เช่น ไม่ว่างเครื่องมือเครื่อง ใช้ที่ใช้บ่อยๆ ในที่สูงเกินมือเอื้อมถึง และจัดอุปกรณ์ให้เป็นหมวดหมู่ เป็นต้น
    4. ความสบาย การจัดตกแต่งบ้านให้ให้มีเครื่องช่วยป้องกันความจ้าของแสงแดด เช่น ม่าน มู่ลี่ มีช่องระบายความร้อน และให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก สามารถมองเห็นทิวทัศน์ในบ้านหรือนอกบ้านที่ทำให้เกิดความเพลินได้ เป็นต้น 

    5.ความมีระเบียบและความสวยงาม ในการจัดตกแต่งเครื่องเรือนควรมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งของที่จัดว่างมากเกินไป และสิ่งของที่จัดว่างไม่เป็นระเบียบจะทำให้ความสวยงามลดลงนอกจากนี้นอกจาก การตกแต่งบ้าน ควรนำเรื่องการใช้สีซึ่งเป็นหลักการศิลปะมาใช้จะทำให้บ้านสวยงามน่าอยู่ยิ่งชึ้นควรนำไม้ ดอกไม้ประดับมาใช้ตกแต่งบ้าน เพื่อเพิ่มความสวยงาม เช่น ใส่แจกันดอกไม้สด ไม้ประดับแบบแชวน เป็นต้น 
    6.ความประหยัด การจัดตกแต่งบ้านควรคำนึงถึงความประหยัดทั้งเวลา แรงงานและเงินโดยพิจารณาเรื่องดูแลรักษา ทำความสะอาด ราคาสิ่งของที่นำมาตกแต่งบ้าน การใช้เครื่องทุ่นแรงจะทำให้ช่วยประหยัดเวลาและแรง แต่ก่อนการซื้อควรพิจารณาราคากับความคุ้มค่าของการใช้สร้อย นอกจากสิ่งนั้นสิ่งของเครื่องใช บ้างอย่าง ที่ใช้ในการตกแต่งบ้าน หากเราสามารถประดิษฐ์เองได้ ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวลงได้
   
   ห้องนอน

การตกแต่งห้องนอน


 ห้องนอน  เป็นห้องส่วนตัวที่ให้ความรู้สึกสบายที่สุดของบ้าน ใช้พักผ่อนคลายความเครียดและใช้ทำกิจกรรมส่วนตัวอื่น เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง เป็นต้น จึงต้องเป็นห้องที่เย็นสบาย  อากาศถ่ายเทได้สะดวก  ควรอยู่ทางทิศตะวันออกของบ้าน  เพื่อแสงแดดจะได้ส่องถึงในตอนเช้า และไม่ร้อนระอุ ในเวลากลางคืน เราจำเป็นต้องรักษาความสะอาด  จัดให้น่าอยู่  จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีทั้งทางกายและทางใจ






    ปัจจัยที่ควรคำนึงในการจัดตกแต่งห้องนอน
                มีความเป็นส่วนตัว ไม่มีเสียงรบกวน  ประตูสามารถปิดล็อกด้านในและปิดล็อกด้านนอกเพื่อความเป็นส่วนตัว
                มีแสงสว่างเพียงพอและอากาศถ่ายเทได้สะดวก  เช่น มีหน้าต่าง ช่องระบายอากาศ มีพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ แต่ไม่ควรจัดวางหัวเตียงให้ชิดหน้าต่าง เพราะถ้าได้รับลมมาก ๆ จะทำให้เป็นหวัดได้ง่าย

              การใช้สี  ห้องนอนเป็นห้องที่สำคัญ การใช้สีที่เหมาะสมจะมีผลดีต่อสุขภาพจิต และความสุขในการพักผ่อน สีของผนังห้องและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดและตกแต่ง  ควรใช้สีเย็นเพื่อให้ความรู้สึกเย็นสบาย เช่นสีฟ้า สีเขียว ถ้าห้องแคบให้ใช้สีเหลือง สีส้มอ่อน สีครีมหรือสีฟ้าอ่อน ไม่ควรใช้สีฉูดฉาด
    
การวงรูปแบบ ห้องนอน  โดยทั่วไปจัดเป็น 2 แบบ คือ
   1.  แบบจัดวางเครื่องนอนบนพื้น จัดวางที่นอนชิดผนังและมุมห้องด้านใดด้านหนึ่ง

        2. แบบจัดวางเครื่องนอนบนเตียง จัดวางเตียงนอนชิดผนังด้านใดด้านหนึ่ง หรืออาจตั้งเตียงให้ส่วนหัวเตียงอยู่ชิดผนังด้านข้างค่อนไปทางฝาผนัง เว้นช่องทางเดินด้านข้าง และปลายเตียงไว้ เพื่อให้ปิด – เปิดห้อง หรือเดินได้สะดวก

ในห้องนอนควรมีเครื่องใช้ที่จำเป็น  ดังนี้

 เครื่องนอน  ได้แก่  หมอน  หมอนข้าง  มุ้ง  ผ้าห่ม  เตียง  ที่นอน  และเสื่อ  มุ้ง นับว่าจำเป็น

มากสำหรับบ้านในชนบท

 ตู้เสื้อผ้า  ใช้สำหรับเก็บเสื้อผ้าที่รีดแล้วและใส่ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น  ถ้าไม่มีตู้ก็ควรใส่
 กล่องกระดาษเพื่อความเป็นระเบียบและป้องกันฝุ่นละออง
    โต๊ะเขียนหนังสือ  สำหรับผู้ที่ต้องการอ่านหนังสือ  เพื่อการพักผ่อน
    ที่วางของ  ควรมีไว้เพื่อวางแก้วน้ำ  โคมไฟ  วิทยุ
    ราวพาดผ้า  ราวพาดผ้าอาจทำด้วยไม้หรือใช้ลวดขึงกับข้างฝา  ใช้สำหรับผึ่งผ้า
    ตะกร้าผ้า  ใช้สำหรับใส่เสื้อผ้าที่ใช้แล้ว
    ไฟในห้องหรือตะเกียง  สำหรับให้แสงสว่าง   
    เครื่องประดับตกแต่งห้อง  ควรหาวัสดุที่มีในท้องถิ่นมาประดิษฐ์  เช่น  ภาพผนัง
ที่ใส่ซองจดหมาย ฯลฯ


       การนอนหลับคือ การพักผ่อนที่ดีที่สุด การนอนหลับเพียง 5-6 ชั่วโมง ในห้องที่เงียบสงบ มืดสนิท อุณหภูมิพอเหมาะ และอากาศ ถ่ายเทดี ก็นับว่า เพียงพอแล้ว สำหรับคนเราในวันหนึ่ง ๆ ห้องนอน จึงเป็นห้อง ที่ต้องการ ความสงบมากกว่าส่วนใด ในบ้าน ให้ความเป็นส่วนตัว ความสะดวกสบาย แก่เจ้าของ อีกทั้งแสดง รสนิยม และ บุคลิก ของเจ้าของห้อง ได้มากกว่า ห้องอื่น นอกจากจะใช้เป็น ห้องพักผ่อนนอนหลับแล้ว ยังอาจใช้เป็น ห้องแต่งตัว และ ห้องทำงานส่วนตัว ได้อีกด้วย การนอน ถือเป็น กิจกรรม หรือ กิจวัตรประจำวัน ที่จำเป็น ต้องมีต้องปฏิบัติ เพื่อการเริ่มต้นชีวิต ในวันใหม่ ที่สดชื่น สุดๆ พร้อมกับ ภารกิจ การทำงาน ทุกสภาวะ และโอกาสใน การทำงาน แต่ที่สำคัญอย่างยิ่งของการ "นอน" ก็คือ "สุขภาพ"ที่ดีของ ร่างกาย เมื่อมี การทำงานไม่ว่า จะด้วย การใช้แรงกาย หรือแรงสมอง สติปัญญา และหรือ แม้แรงใจ แรงกระตุ้น จาก พลังจิต ภายใน ที่ทำให้คนเรา มีความสุขใน การทำงาน ปฏิบัติงาน ในหน้าที่ของ แต่ละท่าน ให้ได้ผลสมบูรณ์เต็มร้อย ควรอย่างยิ่งต้องมีการ "นอน" เป็นกิจกรรมที่สำคัญของวัน ที่เราๆ ทุกท่านต้อง พักผ่อนด้วย การ"นอน"
       ห้องนอน ถือว่าเป็น สถานที่ส่วนตัว การออกแบบตกแต่ง จึงสามารถ ทำให้มีลักษณะ เฉพาะตัว ที่เด่นชัดออก มาได้เต็มที่ และตามสไตล์ ที่ผู้อยู่ต้องการ ได้ด้วย เนื่องจากพื้นที่ใน ห้องนอน นั้น เป็นพื้นที่ส่วนตัว ที่พ้นจากสายตาคนอื่นๆ และยังเป็น ห้องที่เหมาะที่สุด ในการ สร้างสรรค์ ตามความประสงค์ ของผู้อยู่อย่างมาก บางคนอาจจะชอบ ห้องนอน ที่เต็มไปด้วย บรรยากาศ แบบไทยๆ ที่สามารถจะใช้โต๊ะ ตั่ง คันฉ่องหรือ กระจก มาตกแต่ง การวางที่นอน บนพื้นก็เป็น การเพิ่มบรรยากาศ ให้ห้องน่าอยู่มิใช่น้อย หรือบางคนอยากจะแต่ง ให้โมเดิร์นสุดๆ ก็ย่อมที่จะทำได้ เพราะห้องนอนเปรียบเสมือนโลกส่วนตัว ของแต่ละบุคคลที่สามารถ จะสร้างสรรค์ สิ่งที่ต้องการ ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึง รสนิยมและประโยชน์การใช้สอยร่วมกับผู้อื่น เหมือนกับการตกแต่งในห้องอื่นๆ

    

ห้องครัว 

การตกแต่งห้องครัว

ห้องครัว   เป็นที่สำหรับประกอบอาหาร ดังนั้นควรอยู่ห่างจากห้องนอนหรือส่วนหลังของบ้านเพื่อไม่ให้มีกลิ่นและเสียงรบกวน มีแสงสว่างเพียงพอ มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อช่วยขจัดกลิ่น ห้องครัวเป็นห้องที่ต้องทำความสะอาดอยู่เสมอ ดังนั้นพื้นครัวจึงควรเป็นวัสดุที่ทนทาน ทำความสะอาดได้ง่าย และไม่ลื่น




วิธีการจัดตกแต่ง



การวางรูปแบบ   ห้องครัวโดยทั่วไปมีการวางรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้

1. การจัดแบบชิดผนังด้านเดียวหรือแบบเส้นตรง   นิยมใช้กับบ้านที่มีเนื้อที่จำกัด

2. การจัดวางแบบชิดผนังสองด้าน  หรือแบบตัวแอล ใช้กับห้องครัวลักษะแคบและยาว

3.การจัดแบบชิดผนังสามด้าน หรือแบบตัวยู เหมาะสำหรับห้องครัวที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมด้านเท่า 

4. การจัดแบบเส้นขนาน   ใช้สำหรับห้องครัวที่ประตูอยู่ตรงข้ามกัน 2 ประตู

การวางเครื่องเรือนในห้องครัว  ควรยึดหลักความสะดวก ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และทำความสะอาดง่าย ดังนี้

เครื่องเรือน
วิธีการจัดวาง
เตาหุงต้ม
ควรวางไว้ที่โปร่ง ไม่ไกลจากที่เตรียมอาหาร
โต๊ะเตรียมอาหาร
ควรออกแบบให้ติดกับโต๊ะวางภาชนะหุงต้ม ใต้โต๊ะเป็นตู้สำหรับเก็บเครื่องใช้ในการประกอบอาหาร    
อ่างล้างจาน
ควรวางต่อจากโต๊ะเตรียมอาหาร
ตู้ติดฝาสำหรับเก็บจานชาม
ควรจัดวางให้ไกลจากอ่างล้างจาน
ชั้นหรือที่คว่ำจานชา แก้วน้ำ
ควรติดผนังเหนืออ่างล้างจานหรือวางไว้ข้าง ๆ อ่างล้างจาน
ตู้เย็น
ควรตั้งในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกและห่างจากผนังไม่น้อยกว่า 15 เซนติเมตร (ถ้าพื้นที่ในครัวไม่เพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องตั้งไว้ในครัวเสมอไป)

สีของห้องครัวและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดและตกแต่ง  ควรเป็นสีสดใส สว่าง และเย็นเช่น สีเขียวอ่อน สีครีม เป็นต้น

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้จัดและตกแต่งห้องครัว ควรตกแต่งด้วยภาพติดผนังที่เกี่ยวกับอาหารหรือตะกร้าวางผลไม้หลากสี

จัดให้มีที่รองรับขยะหรือเศษอาหาร โต๊ะหรือเคาน์เตอร์สำหรับวางอ่างล้างจานและที่คว่ำจาน  ควรเลือกใช้ชนิดที่ทำจากกระเบื้องหรือสเตนเลส ไม่ควรเลือกใช้ชนิดที่ทำจากไม้ เพราะเมื่อถูกความชื้นระยะหนึ่งอาจขึ้นรา ไม้บวมพอง หรือมีปลวกกัดกิน

   ห้องครัว       จัดได้ว่าเป็นห้องที่ถูกใช้ประโยชน์ มากมาย การดูแลรักษาเอาใจใส่จึงตามมา เป็นเงา ตามตัว เพื่อให้ห้องครัวอยู่ในสภาพ ที่น่าดู และน่าใช้อยู่เสมอ หลังจากการ ปรุงอาหารเสร็จสิ้นแล้ว เราก็จะต้องเช็ดถู ทำความสะอาด บริเวณเตาแก๊ส และ ชั้นวางของ ให้สะอาด แต่เท่านี้ยังไม่พอ เพราะอย่างน้อย อาทิตย์หนึ่ง เราควร จะทำความสะอาด ในครัวให้หมดทุกซอกทุกมุม โดยเริ่มจาก การทำความสะอาด ฝาผนัง เพื่อล้างคราบน้ำมัน หรือเศษอาหาร ที่ติดอยู่ออก ให้หมด เตา ตู้เก็บของ ตู้เย็น ชั้นวางของ ซอกมุมต่างๆ ควรเช็ดฝุ่นละอองออก สำหรับพื้น จะต้องขัดล้าง ทำความสะอาด ไม่ให้คราบ สกปรก หลงเหลืออยู่ เมื่อทำความสะอาด ไปแล้ว ควรใช้ ผ้าแห้ง เช็ดอีกครั้ง นอกจากนี้เมื่อมีเวลาว่าง ก็ควรจะให้เวลากับห้องครัวบ้าง เพื่อดูแล ข้าวของ ให้เข้าที่ หรือปรับปรุง บางส่วน ให้ดูดีขึ้น หรือใช้ประโยชน์ ได้ดี กว่าเดิม ข้าวของที่จัด อย่างเป็น ระเบียบ การทำงานในห้องครัว ด้วยความสะดวก ราบรื่น ไม่มีสิ่งของกีดขวาง ทุกอย่างหยิบใช้ได้ง่าย ย่อมเป็นที่พึงพอใจ และชื่นใจให้ กับผู้ใช้อย่างมาก ซ้ำยังเป็นการเพิ่มความมีชีวิตชีวา ให้กับห้องครัวอีกด้วย ครัว เป็นสิ่งหนึ่ง ที่ทุกบ้าน ปฏิเสธไม่ได้ และยังคงให้ความสำคัญ กับครัว อย่างไม่หยุด หย่อน ครัวจัดได้ว่า เป็นบริเวณที่มีการใช้สอย ประโยชน์ไม่น้อยกว่า ส่วนอื่นๆ ของบ้านเลย ดังนั้น การออกแบบครัว ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่นี้ มักจะเต็ม ไปด้วย อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ชนิดต่างๆมากมาย เพื่ออำนวย ความสะดวกสบาย แก่ผู้ใช้ หรือผู้ที่ต้องคลุกคลีอยู่กับครัว
        เป็นอีกห้องหนึ่งที่มีการกำหนด ลักษณะการใช้งาน ที่แตกต่างไป จากห้องอื่นๆ โดยเป็นส่วนใช้งาน ที่สำคัญภายในบ้าน ซึ่งใช้เป็นที่ ประกอบอาหาร เพื่อการยังชีพ นอกจากนั้น ครัวยังมีความสัมพันธ์ ในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง กับส่วนรับประทานอาหารและส่วนอื่นๆ ในตัวบ้าน
       ในบรรดาห้องทั้งหลาย ห้องครัวได้กลายเป็นห้องที่เราให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นห้อง ที่เราให้เวลา ในวันหนึ่งๆ กับห้องนี้ มากพอสมควร อีกทั้งยังต้องทุ่มเทค่าใช้จ่ายสำหรับการที่จะได้ "ห้องครัว" ที่ถูกอกถูกใจอีกด้วย ก่อนการตัดสินใจ ที่จะลงมือสร้างครัว หรือจัดตกแต่งครัว เพื่อให้เกิดความสวยงามนั้น สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงเป็นลำดับแรกคือ การออกแบบห้องครัว เป็นการผสมผสาน ทั้งศาสตร์และศิลป์ไว้ในห้อง ๆ เดียวอย่างกลมกลืนที่สุด ศิลป์คือความสวยงาม แม้ห้องนี้จะไม่ได้มีไว้โชว์แขกโดยตรงก็ตาม ส่วนศาสตร์ก็คือ การคำนึงถึงสุขอนามัยต่าง ๆ ผลพวงที่จะเกิดกับการประกอบอาหาร โดยเฉพาะอาหารไทย อย่างที่รู้ ๆ กันว่า อาหารไทยนั้น นอกจากจะรสจัด รสแซ่บแล้ว กลิ่นก็ยังรุนแรงอีกด้วย ตอนที่คุณปรุงก็ก่อให้เกิดความร้อนตลบอบอวลด้วย คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ที่พอคุณทำอาหารเสร็จจะมีกลิ่นติดตามเนื้อตัว ผมเผ้า เสื้อผ้า จนคนใกล้ชิดของคุณแซวว่า "เปลี่ยนน้ำหอมใหม่แล้วหรือ?" มีปัจจัยอะไรต้องคิดถึงบ้างลองไปดูกัน
       ทิศทางของห้องไม่ควรอยู่ในทิศที่อับหรือทึบหรือพูดง่าย ๆ ก็คือห้องนี้ควรมีแสงสว่างเพียงพอนั่นแหละ มีแสงแดดส่องถึง เพื่อไล่ความชื้นออกไป ที่สำคัญต้องระบายอากาศดีด้วย ส่วนของคนจีน การวางฮวงจุ้ยสำหรับห้องครัวนั้น ก็กำหนดไว้ที่ทิศตะวันออก หรือทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น จะได้ช่วยไล่ความชื้น ฆ่าเชื้อโรคจากเช้าถึงเที่ยงและเย็นสบายช่วงบ่ายถึงเย็นซึ่งเป็นเวลาทำครัว อีกทิศหนึ่งที่น่าสนใจคือทิศใต้ซึ่งเป็นทางลมพอดี
       เมื่อหาทิศทางให้ห้องครัวได้แล้ว สิ่งที่คุณต้องพิจารณาต่อก็คือตำแหน่งที่สะดวกสบายในการเข้าถึงซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมี 2 ลักษณะคือ ครัวในบ้านและ ครัวนอกบ้าน โดยครัวในบ้านนั้นมักจะอยู่ชั้นล่างอาจจะติดโรงรถเพื่อความสะดวกสบายในการขนของ มักจะเป็นครัวเบาใช้เตรียมอาหาร ส่วนครัวนอกบ้านนั้นโดยทั่วไปถ้าบ้านของคุณมีเรือนคนใช้อยู่ก็มักจะสร้างครัวที่เรือนนี้ไปด้วยเลย
       ทำนองเดียวกันคุณอาจจะทำบริเวณจอดรถไว้ที่เรือนนี้ด้วยก็ได้ เพื่อความสะดวก ในการขนของเข้าครัว แต่ถ้าบ้านของคุณเป็นบ้านขนาดเล็ก อาจจะต่อเติมหลังคา ด้านหลังบ้านใช้เป็นครัวประกอบอาหารหนักกลิ่นแรง ๆ ก็ได้ ะเลือกครัวใน หรือนอกบ้าน นั้น ปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการพิจารณาคงหนีไม่พ้น ความต้องการของครอบครัว ขนาด ของบ้าน ขนาดของที่ดิน แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบใด คุณจะยังต้องคำนึงถึง ตำแหน่งของ ห้องนอนด้วย เพราะครัวไม่ควรอยู่ตรงกับห้องนอนชั้นบน นั่นจะทำให้ กลิ่นอาหาร ขึ้นไปรบกวน ตำแหน่งของท่อน้ำทิ้งก็ไม่ควรให้อยู่ใกล้ กับแหล่งน้ำ ใช้ เพราะน้ำ ที่เกิดจากการล้าง รวมไปถึงเศษอาหาร อาจจะไหลซึม และแปดเปื้อนกับแหล่งน้ำได้ ถ้าจะให้ดี คุณน่าจะจัดครัวให้ใกล้กับส่วนรับประทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ห้องรับประทาน หรือระเบียง (ในกรณีที่คุณจัดเลี้ยง) เพื่อความสะดวก ในการลำเลียง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ สำหรับห้องครัวคือเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในครัว ซึ่งคุณควรจะพิจารณา ให้เหมาะสม กับครัวของคุณด้วย เพื่อที่ว่านอกจากจะใช้งานได้เหมาะสม มีประสิทธิภาพแล้ว จะทำให้ครัวของคุณสวยงามไปด      
    
       ห้องรับแขก/ห้องนั่งเล่น

การจัดตกแต่งห้องรับแขก


        ห้องรับแขกเป็นห้องที่ต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือน  ซึ่งจะอยู่ส่วนหน้าของบ้านการจัดและตกแต่งห้องรับแขกควรจัดให้สวยงามและดูสะดวกสบาย

        การวางรูปแบบ     การจัดห้องรับแขกนิยมจัดเป็น 2 แบบ คือ    1.  แบบนั่งพื้น จัดตกแต่งโดยใช้เสื่อหรือพรมปูลาด  หรือใช้เบาะรองนั่งหลาย ๆใบอาจมีหมอนอิง หรือหมอนสามเหลี่ยมเพื่อให้นั่งสบายขึ้น และมีโต๊ะเตี้ย ๆ วางตรงกลาง ใช้สำหรับวางสิ่ง ของน้ำดื่ม การจัดแบบนี้ค่อนข้างสะดวก ประหยัด เนื่องจากเครื่องเรือนหาง่าย ราคาไม่แพง
    2. แบบนั่งเก้าอี้  มีวิธีการจัดหลายวิธี ได้แก่
        1. จัดแบบเส้นตรง โดยจัดเก้าอี้วางเรียงเป็นแถวเดียว ให้เก้าอี้ยาวอยู่ตรงกลางเก้าอี้เดี่ยววางไว้ด้านข้างด้านละตัว และวางโต๊ะรับแขกไว้กลางตรงส่วนหน้าเก้าอี้ยาว การจัดแบบนี้เหมาะสำหรับห้องแคบ หรือมีพื้นที่จำกัด
        2. จัดแบบเข้ามุมห้อง โดยจัดวางเก้าอี้ยาวไว้ชิดผนังด้านหนึ่ง เก้าอี้เดี่ยวอีก 1 – 2 ตั้งชิดผนังอีกด้านให้อยู่ในลักษณะเป็นมุมฉาก วางโต๊ะรับแขกไว้ตรงกลาง การจัดแบบนี้ช่วยประหยัดเนื้อที่ได้มาก เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก
        3. จัดลักษณะรูปสี่เหลี่ยม  การจัดแบบนี้จะวางเก้าอี้ยาวไว้ชิดผนัง เก้าอี้เดี่ยว 2 ตัว วางไว้ด้านตรงข้าม และมีโต๊ะรับแขกวางอยู่ตรงกลาง
        4. จัดแบบตัวยู (U) หรือเข้ามุม 2 มุม  การจัดแบบนี้จะวางเก้าอี้ยาวไว้ชิดผนังด้านหนึ่ง และวางเก้าอี้เดี่ยวไว้ด้านข้าง 2 ด้าน ในลักษณะตรงกันข้าม และวางโต๊ะรับแขกไว้ตรงกลางเหมาะสำหรับห้องที่มีลักษณะแคบแต่ยาว
        5. จัดแบบวงกลม โดยวางชุดเครื่องเรือนทั้งหมดอยู่ห่างจากผนังจนเกือบกลางห้อง วางเก้าอี้ยาวไว้ด้านหนึ่ง โต๊ะรับแขกไว้ตรงกลาง และวางเก้าอี้เดี่ยวโดยรอบ การจัดแบบนี้เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่กว้างมาก     
        สิ่งที่ควรนำมาใช้จัดตกแต่งห้องรับแขก ได้แก่
                1. ชุดรับแขก  แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ถ้าเป็นแบบนั่งพื้นก็ควรใช้เสื่อหรือพรมปูพื้น ถ้าเป็นแบบนั่งเก้าอี้ ควรเลือกชุดรับแขกที่มีขนาดและรูปแบบที่เหมาะกับห้อง ทำจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน เช่น ไม้ หวาย ถ้าบุผ้าควรเลือกสีที่กลมกลืนกับสีห้อง
                2. ตู้โชว์  เลือกขนาดพอเหมาะกับห้อง ไม่ควรสูงมาก จะทำให้ห้องแลดูทึบ ควรวางชิดผนังไม่ควรวางตู้บังแสงสว่างและทิศทางลม
                3. ผ้าม่าน เป็นสิ่งตกแต่งที่ช่วยกรองแสงสว่างในห้องให้ลดลง และช่วยให้ห้องรับแขกดูสวยงามขึ้น การเลือกผ้าม่านมาตกแต่งห้อง ควรเลือกที่มีสีสัน ลวดลายสวยงาม กลมกลืนกับห้อง
                4. ภาพ ควรเลือกสีให้เข้ากับเครื่องเรือนและผนังห้อง และควรเลือกภาพวิวธรรมชาติที่ดูแล้วสดชื่น ภาพบุคคล ภาพเขียน หรือปักผ้าด้วยมือที่มีความสวยงาม มีคุณค่านำมาตกแต่งห้อง
                5. ต้นไม้ และดอกไม้   เป็นสิ่งที่ช่วยให้ห้องรับแขกมีชีวิตชีวา ไม่แห้งแล้ง ต้นไม้ที่จำมาประดับ ควรเลือกชนิดที่ไม่ต้องการแสงแดดมาก เช่น บอน พลูด่าง ฯลฯ
                6. สิ่งประดับตกแต่งอื่น ๆ เช่นรูปปั้น เครื่องเซรามิก งานหัตถกรรมพื้นบ้าน ควรเลือกให้มีสี ขนาด รูปทรง เหมาะสมสัมพันธ์กัน
                การใช้สี ควรเลือกใช้สีที่มองดูแล้วสดชื่น และเลือกใช้สีให้เข้ากับเรื่องเรือนและผนังห้อง
สีที่เหมาะสำหรับจัดตกแต่งห้องรับแขก เช่น ชมพูอ่อน ส้มอ่อน จะทำให้รู้สึกสดชื่น






       ห้องรับแขก/นั่งเล่น  เป็นห้องที่ใช้งานมากที่สุด ของครอบครัวผู้คนบางกลุ่มชอบที่จะ รับประทาน อาหาร พบประสังสรรค์ และดื่มฉลอง กันที่บ้าน มากกว่าที่จะ ออกไปตามคลับ หรือภัตตาคาร โทรทัศน์สี วีดีโอ และเครื่องเสียงดีๆ ได้เข้ามาแทนที่ภาพยนตร์ตามโรง แม้แต่เกมคอมพิวเตอร์ ปัจจุบัน ก็สามารถ ซื้อหา เข้ามา เล่นสนุกสนานกันได้ภายในบ้าน ฉะนั้นการจัด ห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง พอและมีอุปกรณ์ ในการสันทนาการ ต่างๆ จึงเหมาะเป็นที่พบปะสังสรรค์ และพักผ่อนในยามว่างได้ การตกแต่งห้องนั่งเล่น ได้รับความเอาใจใส่มากขึ้น ได้มีการเพิ่ม ความแปลกใหม่ ที่ยังคงให้ ความรู้สึก สบาย อย่างง่ายๆ ซึ่งมีผลมาจากปัจจัย 3 ประการคือ

       เฟอร์นิเจอร์แปลกๆ ใหม่ๆ ที่บริษัทผู้ผลิตได้ออกแบบแตกต่างหลายหลาก และมีหลายระดับราคา ให้เลือกซื้อได้ตามความ ต้องการและกำลังทรัพย์
การใช้สีสดใสมาตัด เช่น สีชมพู เขียว หรือ เหลือง บนสีที่นิยมใช้กันอันได้แก่สีครีมอ่อน สีครีมเข้ม สีเบท และสีปนสีขาว นั้นให้ชีวิตชีวา ที่สนุกสนาน มากยิ่งขึ้น
       ปัจจัยสุดท้ายได้แก่การนำวัสดุต่างๆ มากใช้ อย่างมากมาย เป็นวัสดุที่ผลิตออกมา ในขบวนการ อุตสาหกรรม สถาปนิก และ มัณฑนากร ได้นำสิ่ง ที่มีอยู่ อย่างหลายหลากนี้ มาออกแบบ ดัดแปลง ตกแต่ง ให้ได้สิ่งที่แปลกใหม่น่าตื่นตา อาทิ นำเอา ลามิเนท พลาสติกลายสีสดใส มาปูลง บนเฟอร์นิเจอร์ ลักษณะแปลกๆ นำเอาไม้มาทาสี ร้อนแรง และเคลือบเงา การฉาบปูนบนผนัง ให้เป็นเส้นๆ เพื่อเลียนแบบ เสาลายคิ้วบัว และลวดลายต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นการแสดง ถึงวิธีการ และแบบการตกแต่ง อันหลายหลาก ซึ่งนำมาใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีใด เป็นสิ่งที่ดีที่สุด การตกแต่ง เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะดีได้ เท่ากับการตกแต่ง ที่ต้องใช้จ่ายของ อย่างฟุ่มเฟือย หรืออาจจะนำวิธี การตกแต่ง หลายรูปแบบ มาผสานกันได้ ถ้าสามารถ ทำให้สอดคล้อง และในขอบเขตที่สมควร
การวางแผนผังห้องนั่งเล่น
        ห้องรับแขกจะเป็นห้องแรกที่เข้ามาถึง ควรมีขนาด 12 ตารางเมตรขึ้นไป แล้วแต่ขนาดของบ้าน เมื่อจะลงมือตกแต่งห้องใดก็ตาม อย่าได้พยายาม ซื้อหา ข้าวของในการตกแต่ง ก่อนที่จะมี การวางแบบแปลน ให้เรียบร้อย ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้อง และง่ายที่สุด ถ้าเราจะย้ายเข้ามาอยู่ ในบ้านที่ต้อง อยู่อาศัย เป็นเวลานาน ดังนั้นจึงควรวางแบบแปลน เพื่อให้ใช้ได้ ในระยะเวลานาน สิ่งที่ต้องพิจารณา อันดับแรก คือโครงสร้างของห้อง ว่าต้องมีการ ขยับขยาย หรือไม่ ถ้าต้อง มีการขยับขยายก็ต้องลงมือทำสิ่งนี้ก่อน แต่ถ้าไม่ต้องก็ดำเนินขั้นต่อไป คือ การสร้างตู้ และชั้นวางของ และติดตั้งระบบไฟฟ้า และระบบระบายอากาศ หรือปรับอากาศ ตามแบบแปลน ที่วางไว้ ก่อนที่จะเริ่มงานตกแต่ง เช่น การจัด เฟอร์นิเจอร์ ปูพรม และรายละเอียดอื่นๆ แต่ถ้าเรา เช่าห้อง หรือบ้านอยู่ วิธีการตกแต่งที่ดีที่สุด คือ คงโครงสร้างเดิมไว้ให้มากที่สุด และแก้ไข ข้อบกพร่องต่างๆ ด้วยวิธีการของการตกแต่ง เช่น หน้าต่างที่ ใหญ่เกินไป ก็ติด บางส่วน ของหน้าต่าง ด้วยบังตา ถ้าหน้าต่างที่เล็กเกินไป อาจจะทำให้ดูกว้างขึ้นได้ ด้วย การติดกระจก
การจัดบริเวณนั่งเล่น
        บริเวณนั่งเล่นเป็นส่วนสำคัญที่ใช้นั่งคุยกัน ดูทีวี ทานขนม เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ และพักผ่อน ดังนั้นที่นั่ง ที่ใช้ควรจะสบาย และจัดวางอุปกรณ์ การเล่นให้อยู่ใกล้ๆ กับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ ควรจะเคลื่อนย้ายได้ เพื่อให้เหมาะ กับการนำมาจัดใหม่ ในการ สังสรรค์กันแต่ละครั้ง ในกรณีที่เป็นห้องขนาดเล็ก แต่ถ้าเป็นห้องขนาดใหญ่ ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ และเคลื่อนย้าย ไม่ได้หนึ่งหรือสองตัว นอกจากนั้น ควรจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งสามารถนำมาตั้ง รวมกับเฟอร์นิเจอร์ประเภทแรก ได้เมื่อมีแขกมาเยี่ยม เป็นจำนวนมาก และเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ ซึ่งดัดแปลง ใช้ได้หลายอย่าง จะช่วยเปลี่ยนแปลง ให้บรรยากาศ

ห้องน้ำ 

ห้องน้ำห้องส้วม

    ห้องน้ำห้องส้วม    ใช้สำหรับอาบน้ำ ชำระร่างกายและการขับถ่าย ควรเป็นห้องที่สะอาดและมีประโยชน์ใช้สอยเต็มที่ อาจตั้งอยู่ภายในบ้าน หรือแยกออกไปตั้งอยู่ภายนอกก็ได้ ถ้าอยู่ในบ้าน ควรอยู่บริเวณทิศตะวันตก เพื่อให้แสงแดดช่วงบ่ายส่องสว่างถึงได้ เป็นการฆ่าเชื้อโรคในห้องด้วย



    
วิธีการตกแต่ง

    
ารวางรูปแบบ  ห้องน้ำ ห้องส้วมโดยทั่วไปมักเป็นจะเป็นห้องแคบ พื้นที่ประมาณ 2 – 3 เมตร ภายในแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเปียก (ส่วนอาบน้ำ) และส่วนแห้ง (ส่วนส้วม) บางแห่งอาจไม่รวมห้องน้ำ ห้องส้วมไว้ด้วยกันแต่จัดแยกเป็นห้องเดี่ยว
                การจัดวางเครื่องใช้และสิ่งตกแต่ง
                1. เครื่องสุขภัณฑ์ ตั้งไว้ในตำแหน่งที่ใช้ได้สะดวก เช่น อ่างเก็บน้ำ ถังเก็บน้ำ อ่างล้างหน้า
วางไว้ในส่วนอาบน้ำ โถส้วมวางแยกไว้ในส่วนส้วม
                2. เครื่องใช้ในการทำความสะอาดร่างกาย จัดวางในที่ที่หยิบใช้ได้สะดวกสบาย ใกล้มือ เช่น กล่องสบู่วางไว้ที่ผนังบริเวณอาบน้ำ ยาสีฟันวางที่ชั้นใกล้อ่างล้างหน้า กระดาษชำระ ถังขยะวางไว้ใกล้โถส้วม ผ้าเช็ดตัวแขวนที่ราวพาดผ้าในส่วนอาบน้ำ เป็นต้น
                3. ม่านพลาสติก คิดตั้งที่ประตู ป้องกันไม่ให้น้ำกระเซ็นถูก ซึ่งจะทำให้ชำรุดเร็ว หรือใช้กั้นส่วนอาบน้ำ กับส่วนส้วมให้แยกออกจากกัน
                4. สิ่งตกแต่งอื่น ๆ  เช่น รูปภาพ กระถางไม้แขวน นำไปประดับตกแต่งผนังห้องด้านที่ไม่เปียกน้ำ เพื่อให้เกิดความสดชื่น


        ห้องน้ำ เป็นห้องที่ต้องการ ความเป็นส่วนตัว มากกว่าทุกๆ ห้องในบ้านเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะ กิจกรรมที่ทำใน ห้องน้ำ อันได้แก่ การอาบน้ำ ชำระ ร่างกาย และการขับถ่าย เป็น กิจกรรมเฉพาะบุคคล ที่ต้องทำเป็น ประจำทุกวัน โดยเฉพาะ การอาบน้ำ ชำระร่างกาย ต้องทำอย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้า และตอนเย็น ตามหลัก สุขบัญญัติ ที่เราท่องจำตั้งแต่สมัยชั้นประถม ในปัจจุบัน ห้องน้ำยังใช้ เป็นสถานที่ ทำกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น การโกนหนวด แต่งหน้า แต่งตัว ซักผ้า หรือแม้กระทั่ง การอ่านหนังสือ เป็นต้น เมื่อกิจกรรมในห้องน้ำมีเพิ่มมากขึ้น เราจึงจำเป็นต้องเอาใจใส่ และ พิถีพิถันกับการสร้าง การจัด ตกแต่งห้องน้ำ ให้สวยงาม น่าใช้ และตอบสนอง การใช้สอยให้มากที่สุด โดยต้องเริ่มตั้งแต่ การวางแผนที่ดี การคัดเลือกวัสดุ และการตกแต่ง ให้สวยงาม สอดคล้องกับห้องอื่นๆในบ้าน เป็นต้น
รูปแบบ หรือ สไตล์ ในการตกแต่ง ห้องน้ำ โดยส่วนใหญ่มักขึ้นอยู่กับ รสนิยม และ ความชื่นชอบ ของแต่ละบุคคล การเลือกรูปแบบ หรือ สไตล์ การตกแต่ง ก็ควรให้สอดคล้องกับ รูปแบบและ การตกแต่งภายใน โดยรวมของ อาคาร บ้านเรือน นั้นๆ โดยมีข้อคิดว่า ไม่ควรใช้รูปแบบ ที่มีการประดับประดารุงรัง หรือมีรายละเอียดซอกมุมมาก เพราะจะทำให้ยากต่อ การทำความสะอาด ในปัจจุบัน รูปแบบ หรือ สไตล์ ที่มักเป็นที่นิยมหลากหลาย แต่รูปแบบสมัยใหม่ หรือ ร่วมสมัย ซึ่งเป็นแบบเรียบง่าย และมีความหรูหรา อยู่ในตัวนั้น มักเป็นที่นิยมมากกว่า การใช้รูปแบบในอดีต  การตกแต่งเน้น ความสอดคล้องกลมกลืนกัน ไม่ว่าจะเป็น พื้น ผนัง สุขภัณฑ์ ผ้าม่าน กรอบรูป และของประดับตกแต่งอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อ ให้ห้องน้ำเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่อย่าลืมเสริมบรรยากาศความสดชื่นด้วยสีเขียวของต้นไม้

10 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 พฤษภาคม 2564 เวลา 02:45

    แล้วข้อเสียของการไม่จัดและตกแต่งคืออะไรค่ะ

    ตอบลบ
  2. อยากรู้ว่าการจัดแลละตกแต่งบ้านช่วยสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ยังไงคะ

    ตอบลบ
  3. รักและห่วงใยและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
    มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเสียสละ
    มีเหตุมีผลไม่ใช้อารมณ์
    ยอมรับในความคิดเห็นของผู้อื่น

    ตอบลบ
  4. หีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีหีกีหีหีหีห

    ตอบลบ
  5. ความรู้ทางศิลปะนำมาใช้ในการจัดและตกแต่งบ้านได้อย่างไรคะ

    ตอบลบ